top of page

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

           บริษัท อิออน ท๊อปแวลู (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทในกลุ่ม บริษัทในเครือ และผู้แทนของบริษัท ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัทฯ” มีความ

มุ่งมั่นที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ผู้ให้บริการ คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (เรียกรวมกันว่า “การประมวลผลข้อมูล”) เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง บริษัทฯ จึงได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งและอธิบายให้ทราบถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิต่างๆ ตามกฎหมายของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

           ทั้งนี้ ให้ใช้นโยบายฉบับนี้กับการให้บริการ ผลิตภัณฑ์ และการประกอบกิจการในลักษณะต่างๆ ของบริษัทฯ ซึ่งรวมทั้งที่ผ่านช่องทางออนไลน์ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น อีเมล เว็บไซต์ของบริษัทฯ เป็นต้น และให้ใช้กับบุคคลธรรมดาทุกคนที่เป็นลูกค้า ผู้ให้บริการ คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ

ผู้ใช้งานและผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ ผู้แทนนิติบุคคล กรรมการ ตัวแทน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ บุคคลที่ได้รับมอบหมายจากลูกค้า ผู้ให้บริการ คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทฯ ตลอดจนบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้อง และบริษัทฯ อาจพิจารณาแก้ไขปรับปรุงนโยบายฉบับนี้เป็นครั้งคราวตามความจำเป็นหรือตามที่เห็นสมควร

1. คำนิยาม​

1.1 “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ชื่อ                    นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย หมายเลขโทรศัพท์ เป็นต้น แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม

1.2 “ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา              หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ            เช่น ข้อมูลจำลองใบหน้า ข้อมูลจำลองม่านตา หรือข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนตัวโดยแท้ของบุคคลซึ่งมีความละเอียด            อ่อนและสุ่มเสี่ยงต่อการถูกใช้ในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม และข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในลักษณะ                 เดียวกัน

1.3 “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ลูกค้า ผู้ให้บริการ คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ใช้งานและผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ ผู้แทนนิติบุคคล                 กรรมการ ผู้ถือหุ้น ตัวแทน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ บุคคลที่ได้รับมอบหมายจากลูกค้า ผู้ให้บริการ คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่ง           เป็นบุคคลธรรมดาที่ข้อมูลส่วนบุคคลสามารถระบุตัวตนของบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม (เรียกว่า “ท่าน” หรือ “เจ้าของข้อมูล         ส่วนบุคคล”)

1.4 “คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้น โดยมีหน้าที่และอำนาจกำกับดูแล ออกหลัก                เกณฑ์ มาตรการ หรือข้อปฏิบัติอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.                2562

2. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย และจำกัดเพียงเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์การดำเนินงาน

ของบริษัทฯ และเพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ ซึ่งประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ จะทำการประมวลผลนั้น รวมถึง

1) ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล, เพศ, สถานะการสมรส, อายุ, วันเกิด, หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน,  เลขที่หนังสือเดินทาง,           ลายมือชื่อ, สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาใบอนุญาตขับขี่, ภาพถ่าย, สำเนาทะเบียนบ้าน, เป็นต้น

2) ข้อมูลสำหรับติดต่อ เช่น ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์, อีเมล, สถานที่ทำงาน เป็นต้น

3) ข้อมูลสำหรับการทำธุรกรรม เช่น ข้อมูลบัญชีธนาคาร, สำเนาสมุดบัญชี, เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร, หมายเลขบัตรเดบิต, บัตร            เครดิต เป็นต้น

4) ข้อมูลทางเทคนิค เช่น ชื่อและรหัสผ่านผู้ใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชั่น, หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP Address : Internet Protocol Address ), ชื่อเครือข่ายไร้สาย (SSID: Service Set Identifier), ข้อมูลบ่งชี้อุปกรณ์อื่นใด, ประวัติการใช้งาน, ประวัติการ          ค้นหา, คุกกี้ เป็นต้น

5) ข้อมูลทางประชากรและความสนใจ เช่น ความสนใจในสินค้าและบริการ, เพศ, อายุ, สถานภาพสมรส, อาชีพ, รายได้, ข้อมูลทาง      ประชากรอื่นๆ สื่อสังคมออนไลน์ ความพึงพอใจในสินค้าและบริการ เป็นต้น ทั้งนี้ เมื่อได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

6) ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว เช่น เชื้อชาติ, เผ่าพันธุ์, ความคิดเห็นทางการเมือง, ความเชื่อในลัทธิ, ศาสนาหรือปรัชญา, พฤติกรรมทาง        เพศ, ประวัติอาชญากรรม, ข้อมูลสุขภาพ, ความพิการ, ข้อมูลสหภาพแรงงาน, ข้อมูลพันธุกรรม, ข้อมูลชีวภาพ เป็นต้น ทั้งนี้ เมื่อได้        รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือเมื่อมีเหตุจำเป็นและเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

7) ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ บริษัทฯ อาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์โดยจะต้องเป็นไปตามที่กฎหมายแพ่งและพาณิชย์       หรือ เมื่อได้รับความยินยอมล่วงหน้าจากบุพการีหรือผู้ปกครองตามกฎหมาย

8) ข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นของบุคคลอื่น กรณีที่ท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นใดแก่บริษัทฯ ท่านจะต้องแจ้งให้บุคคลดังกล่าว         ทราบถึงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวโดยบริษัทฯ ก่อนให้ข้อมูลดังกล่าวแก่บริษัทฯ และจะต้องได้รับความ           ยินยอมล่วงหน้าจากบุคคลดังกล่าว เว้นแต่กรณีที่กฎหมายไม่กำหนดให้ต้องได้รับความยินยอม และไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ท่านจะ           ต้องแจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบและเข้าใจถึงนโยบายฉบับนี้ด้วย

3. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งที่มาต่างๆ ดังต่อไปนี้

1. บริษัทฯ ได้รับข้อมูลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง ตามที่ท่านได้ให้ไว้แก่บริษัทฯ ในการซื้อสินค้า ใช้บริการ ติดต่อ เข้าเยี่ยมชม/ใช้งาน           เว็บไซต์ของบริษัทฯ และดำเนินกิจกรรมใดๆ เกี่ยวกับดำเนินงานของบริษัทฯ เช่น การทำสัญญา การจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น ไม่ว่าใน         รูปแบบวิธีการใด ๆ ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรหรือโดยวาจา หรือโดยช่องทางออนไลน์ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ

2. บริษัทฯ ได้รับข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น นายจ้างหรือบริษัทที่ท่านปฏิบัติให้หรือเป็นผู้แทน บุคคลภายนอกอื่นใดที่ท่านได้ให้ความ               ยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บริษัทฯ หน่วยงานของรัฐ คู่ค้า หน่วยงานพันธมิตร ผู้ให้บริการ บริษัทในเครือและ           บริษัทในกลุ่มของบริษัทฯ

4. วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

4.1 บริษัทฯ มีความจำเป็นจะต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ดังที่ระบุไว้ด้านล่างนี้ และบริษัทฯ สามารถประมวลผลข้อมูลของท่านได้เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้เท่าที่จำเป็นโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน อนึ่ง หากท่านปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลดังกล่าวแก่บริษัทฯ หรือไม่ให้บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด อาจส่งผลต่อการให้บริการ การติดต่อสื่อสาร การอำนวยความสะดวกและการดำเนินการอื่นใดระหว่างท่านกับบริษัทฯ

1) เป็นการจำเป็นเพื่อการประกอบกิจการและปฏิบัติตามหน้าที่ตามสัญญา ซึ่งบริษัทฯ มีต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นคู่สัญญา           หรือเพื่อดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญา เช่น การทำสัญญา การจัดซื้อจัดจ้าง การทำธุรกรรม         ทางการเงิน การติดต่อประสานงานต่าง ๆ เพื่อการดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นต้น

2) เพื่อป้องกัน หรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

3) เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบหมายให้         แก่บริษัทฯ

4) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความ           สำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

5) เพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ทางกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ ประมวลกฎหมายแพ่งและ             พาณิชย์ หรือประมวลกฎหมายอาญา กฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร การป้องกันการฟอกเงิน การป้องกันและปราบปรามการทุจริต           รวมทั้งคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

6) เพื่อประโยชน์ในการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ หรือ เพื่อประโยชน์สาธารณะ

4.2 บริษัทฯ อาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้ข้างต้น โดยบริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ดังกล่าวและจะต้องได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อน หรือในขณะเก็บรวบรวม และ/หรือ ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้  บริษัทฯ จะไม่กระทำการใดๆ ที่แตกต่างจากที่ระบุในวัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูลไว้และได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล เว้นแต่เป็นการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะไม่เปิดเผยและส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังหน่วยงานภายนอก เว้นแต่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือเป็นไปตามกรณีดังต่อไปนี้

1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้มีการแจ้งไว้ บริษัทฯ อาจจำเป็นต้องเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลเฉพาะเท่าที่จำเป็นให้แก่บริษัทในกลุ่ม            บริษัทในเครือของบริษัทฯ คู่ค้า ผู้ให้บริการ หรือหน่วยงานภายนอก โดยบริษัทฯ จะดำเนินการให้บุคคลเหล่านั้นเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล      ไว้เป็นความลับและมีมาตรการที่เหมาะสมในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และไม่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจาก                  ขอบเขตที่บริษัทฯ ได้กำหนดไว้

2) กฎหมายหรือกระบวนการทางกฎหมายบังคับให้บริษัทฯ ต้องเปิดเผยข้อมูล หรือเปิดเผยต่อเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่รัฐ หรือหน่วยงานที่มี           อำนาจเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำขอที่ชอบด้วยกฎหมาย

6. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

บริษัทฯ อาจส่ง โอน และแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบริษัทในกลุ่ม บริษัทในเครือ และผู้ให้บริการของบริษัทฯ ในต่างประเทศ โดยบริษัทฯ จะดำเนินการให้มั่นใจว่าประเทศปลายทางหรือหน่วยงานปลายทางมีมาตรฐานและนโยบายในการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวที่เพียงพอตามที่กฎหมายกำหนด

7. มาตรการความปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ มีการกำหนดมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวมสูญหายโดยอุบัติเหตุ หรือถูกเข้าถึง เปิดเผย หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้ การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลจะเป็นไปโดยจำกัด โดยบริษัทฯ จะอนุญาตให้เฉพาะบุคคลที่มีความจำเป็นจะต้องเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ของตน ทั้งในส่วนของข้อมูลที่จัดเก็บในรูปแบบเอกสารและอิเล็กทรอนิกส์

8. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตลอดระยะเวลาตราบเท่าที่จำเป็นต่อการประมวลผลตามวัตถุประสงค์ที่ได้มีการแจ้งไว้เท่านั้น หรือระยะเวลาอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่มีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ด้วยเหตุอื่นใด เช่น บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นระยะเวลา 10 ปี  เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือเพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนด เป็นต้น

9. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด ได้ดังต่อไปนี้

9.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมไม่ว่า ณ เวลาใดก็ตาม ในการประมวลผลข้อมูลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเคยให้ไว้แก่บริษัทฯ ทั้งนี้ หาก         ท่านเพิกถอนความยินยอม บริษัทฯ อาจให้บริการแก่ท่านได้อย่างจำกัด หรือไม่อาจสามารถดำเนินการดังกล่าวได้

9.2 สิทธิในการขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวมรวมและรักษาไว้โดยบริษัทฯ

9.3 สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบริษัทฯ ไปยังบริษัทอื่น ในกรณีที่บริษัทฯ ได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่         สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้             ด้วยวิธีการอัตโนมัติ

9.4 สิทธิในการขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูล  เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลเมื่อใดก็ได้

9.5 สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณี         ต่างๆ เช่น เมื่อข้อมูลนั้นหมดความจำเป็นหรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพิกถอนความยินยอม เป็นต้น

9.6 สิทธิในการขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีต่างๆ เช่น ในกรณีเมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือเมื่อข้อมูลดังกล่าวหมดความ         จำเป็น เป็นต้น

9.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์ และเป็นปัจจุบัน

9.8 สิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากท่านเชื่อว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นการกระทำใน               ลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถขอใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นได้ โดยการยื่นคำร้องขอใช้สิทธิต่อบริษัทฯ เป็นลายลักษณ์อักษร หรือผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ตามแบบฟอร์มที่บริษัทฯ กำหนด (แบบคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject Rights Request Form)) ผ่าน “ช่องทางการติดต่อของบริษัทฯ” ตามที่ระบุไว้ด้านล่าง โดยบริษัทฯ จะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องฯ ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องฯ ดังกล่าว ทั้งนี้ การใช้สิทธิดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และบริษัทฯ อาจปฏิเสธคำร้องขอของท่านได้ในบางกรณี

10. การเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายนี้เป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดตามกฎหมาย และอาจมีการแก้ไขปรับปรุงนโยบายฉบับนี้ได้เป็นครั้งคราวตามที่เห็นสมควรด้วยดุลยพินิจของบริษัทฯ ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบอย่างชัดเจนผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ ก่อนจะเริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลง

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ประกาศและมีผลบังคับใช้วันที่ 9 พฤษภาคม 2565

11. ช่องทางการติดต่อบริษัทฯ

แผนก General Administration (GA)

  บริษัท อิออน ท๊อปแวลู (ประเทศไทย) จำกัด

  เลขที่ 140/48 อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ 2 ชั้น 21

  ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500

  โทรศัพท์ : 02-231 6190 ถึง 192

  อีเมล :  atvth-info@email.aeon.biz

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

  บริษัท อิออน ท๊อปแวลู (ประเทศไทย) จำกัด

  เลขที่ 140/48 อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ 2 ชั้น 21

  ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500

  โทรศัพท์ : 02-231 6190 ถึง 192

  อีเมล : atvth-dpo@email.aeon.biz

bottom of page